ความเหนื่อยล้าสาเหตุที่ 6: Hypothyroidism
ไทรอยด์เป็นต่อมขนาดเล็กที่โคนคอของคุณ มันควบคุมระบบการเผาผลาญของคุณ ความเร็วที่ร่างกายของคุณแปลงเชื้อเพลิงเป็นพลังงาน เมื่อต่อมทำงานไม่เต็มที่และการเผาผลาญทำงานช้าเกินไป คุณอาจรู้สึกเฉื่อยชาและมีน้ำหนักร่างกายที่เพิ่มขึ้น
วิธีการแก้ไข: หากการตรวจเลือดยืนยันว่าฮอร์โมนไทรอยด์ของคุณอยู่ในระดับต่ำ ฮอร์โมนสังเคราะห์จะช่วยให้คุณกลับมากระปรี้กระเปร่าขึ้นมาได้
ความเหนื่อยล้าสาเหตุที่ 7: คาเฟอีนเกินพิกัด
คาเฟอีนในปริมาณที่พอเหมาะ สามารถเพิ่มความตื่นตัวและสมาธิได้ แต่การกินมากเกินไปอาจทำให้อัตราการเต้นของหัวใจ ความดันโลหิต และความกระวนกระวายใจเพิ่มขึ้นได้ และจากการวิจัยพบว่าการทานมากเกินไปอาจทำให้เกิดความเหนื่อยล้าได้ในบางคน
วิธีการแก้ไข: ค่อยๆ ลดกาแฟ ชา ช็อคโกแลต น้ำอัดลม และยาใดๆ ที่มีคาเฟอีน เพราะว่าการหยุดกะทันหันอาจทำให้เกิดอาการถอนคาเฟอีนและรู้สึกเมื่อยล้ามากขึ้น
ความเหนื่อยล้าสาเหตุที่ 8: UTI ที่ซ่อนอยู่
หากคุณเคยติดเชื้อทางเดินปัสสาวะ (UTI) คุณอาจคุ้นเคยกับอาการปวดแสบปวดร้อนและความรู้สึกเร่งด่วน (ที่ต้องการไปเข้าห้องน้ำ) แต่การติดเชื้อไม่ได้เป็นอาการที่ชัดเจนเสมอไป ในบางกรณีความเหนื่อยล้าอาจเป็นเพียงสัญญาณเดียวที่บ่งชี้ และการตรวจปัสสาวะจะสามารถยืนยัน UTI ได้อย่างรวดเร็ว
วิธีการแก้ไข: ยาปฏิชีวนะเป็นหนทางในการรักษาโรค UTI และความเหนื่อยล้ามักจะหายไปภายในหนึ่งสัปดาห์
ความเหนื่อยล้า สาเหตุที่ 9: เบาหวาน
ในผู้ป่วยเบาหวาน ระดับน้ำตาลที่สูงผิดปกติยังคงอยู่ในกระแสเลือดแทนที่จะเข้าสู่เซลล์ของร่างกาย แล้วถูกเปลี่ยนไปเป็นพลังงาน ผลก็คือร่างกายที่หมดพลังงานทั้งที่ได้รับอาหารเพียงพอ หากคุณมีอาการเหนื่อยล้าเรื้อรังโดยไม่ทราบสาเหตุ ให้ปรึกษาแพทย์เพื่อตรวจหาโรคเบาหวาน
วิธีการแก้ไข: การรักษาโรคเบาหวานอาจรวมถึงการเปลี่ยนแปลงวิถีชีวิต เช่น การรับประทานอาหารและการออกกำลังกาย การบำบัดด้วยอินซูลิน และการใช้ยาเพื่อช่วยให้ร่างกายผลิตน้ำตาล
ความเหนื่อยล้า สาเหตุที่ 10: ภาวะขาดน้ำ
ความเหนื่อยล้าอาจเป็นสัญญาณของการขาดน้ำ ไม่ว่าคุณจะออกกำลังกายหรือทำงานที่โต๊ะทำงาน ร่างกายของคุณต้องการน้ำเพื่อให้ทำงานได้ดีและรักษาอุณหภูมิให้เย็น หากคุณกระหายน้ำ แสดงว่าคุณขาดน้ำแล้ว
Credit: www.webmd.com/ss/slideshow-fatigue-causes-and-remedies